7 กรกฎาคม 2556

Lavarel ยากแท้เหลา

      ตอนนี้ผมเริ่มทำ CMS โดย backend ทำบน laravel 4 กับตั้งใจว่า frontend จะให้เป็น angular js ธีมก็เป็น bootstrap ตอนนี้ผมกำลังเริ่มทำระบบติดตั้งอยู่ตั้งใจจะให้กรอกข้อมูลเชื่อมต่อฐานข้อมูล เเล้วก็ข้อมูลของแอดมินก็พอ ทำให้มันง่าย แต่ตอนนี้กะลังมึนบั๊กเรื่อง callback อยู่

Chapter : 1 อนาคตของผม: Passive IM

ยุทธศาสตร์การถอนตัว : Passive IM

ก่อนที่ผมจะถอนตัวจากเมื่องกรุงนั้น จะกลับไปแบบไม่มีอะไรเลยไม่ได้ ผมต้องมีทุนเพื่อปรับปรุงที่ดินใหม่ก่อน วันนี้ผมเจอวิธีการนั้นแล้วคือ การทำ Internet Marketing สายขาวนะครับ ผมจะเริ่มด้วยที่ผมทำบล็อกนี้แหละครับ บล็อกนี้เป็นเหมือนที่ให้ผมฝึกหัดการเขียน อีกบล็อกหนึ่งก็จะใช้เขียนในเรื่องทางด้านอาชีพของผม กุญแจหลัก คือผมต้องทำเพจขึ้นมาเเล้ว ใช้เเพจเป็นตัวสร้างฐานแฟนเพจ ที่สนใจการพัฒนาโปรแกรม
            “ที่ไหนมีชุมชน ที่นั้นมีธุรกิจ พี่ดรีมแห่ง kn media ได้กล่าวไว้
                       คำนี้ผมจำได้เสมอมา เเล้วคิดอยู่เสมอว่าควรจะทำแบบไหน มาตกผลึกว่าควรจะทำเป็นแฟนเพจก่อน แนวทางในการทำเพจคือสร้างบทเรียน วีดีโอสอน เกี่ยวกับการพ้ฒนาเว็บไซต์โฟกัสไปที่ cakephp,laravel,angularjs, สามอย่างนี้มาจากที่ผมมีความรู้อยู่เเล้ว แต่ก่อนจะสร้างเพจผมก็ต้องมีเนื้อหาพื้นฐาน ทิปเทคนิคที่จะคอยป้อนให้เพจก่อน แล้วตัวโปรแกรมที่จะนำมาสร้างเป็น บทเรียนอีกต้องเตรียมเยอะมาก วันขึ้นปีใหม่ จะเป็นวันที่ผมเปิดตัวแฟนเพจ วันที่เขียนนี้วันที่ 7 เดือน 7 เหลือเวลาให้ผมอีก 6 เดือน ในการเขียน Lavarel ให้เสร็จ 

                       ส่วนแนวทางในระยะยาวนั้น ผมต้องโกอินเตอร์ให้ได้ คือ สร้างเว็บไซต์เฉพาะทางที่เป็นภาษาอังกฤษ ทำควบคู่กับเพจสอนเขียนเว็บไป การอยู่ในระยะยาวได้คือต้องขายอีบุ้ค คอร์สอบรม วีดีโอสอน เมื่อไหร่ที่ผมไม่ได้ปล่อยของใหม่นานสามเดือน แล้วยังมีรายได้เข้ามาคงที่เหมือนเดิม นั่นแหละครับวันที่ ผมจะกลับบ้านยาวเลย พอกลับไปอยู่ที่บ้านเราก็เปลี่ยนอาชีพเป็นชาวนามืออาชีพเต็มตัว ส่วนการทำ IM ให้เป็นงานรองเพราะมันคงที่เเล้ว ข้อได้เปรียบมหาศาลคืองานทำผ่านเน็ตอยู่ที่ไหนก็ทำได้ ทำนาตอนเช้า พอร้อนก็กลับมานั่งดูงานในเน็ตต่อ

Chapter : 2 อนาคตของผม Professor Farmer

วันนี้ผมจะมาเล่าถึงแผนการที่ผมเตรียมไว้ ซึ่งอย่างที่เรารู้ๆกันอยู่แผนทั่วไปมันมักไม่เป็นไปตามแผน แต่แผนของผมมันเป็นเหมือนหลัก กิโลที่ไว้บอกว่าผมมาถูกทางเเล้ว เมื่อคืนความคิดผมมันก็มาบรรจบกันเป็นแผนการที่วางไว้เพื่ออนาคต อย่างสมบูรณ์แล้ว ผมต้องเขียนบล็อก สร้างเป็นภาพออกมาอย่างชัดเจน เพื่อเตือนตัวเองอยู่เสมอ ไม่ให้หลงทาง



ความเชื่อที่ผิดกับการกลับคืนสู่ราก : Professor Farmer
ผมมีความเชื่อผิดๆ อยู่อย่างหนึ่งนั้นคือ เชื่อว่าอาชีพทำนาไม่ใช่หนทางสู่ความสำเร็จ ร่ำรวย เพราะตั้งแต่เด็กที่บ้านก็บังคับให้ผมไปทำงานที่นา ด้วยทั้งที่อยากนอนดูการ์ตูนอยู่ที่บ้าน โดยมีข้ออ้างว่า ให้มาลำบากจะได้ตั้งใจเรียนหนังสือ ทำให้ผมเกลียดการไปสวนเลย และที่หมู่บ้านผมเขาทำนา เป็นอาชีพรอง เวลาที่เหลือเอาไปรับจ้าง เมื่อเขาทำนาทำสวนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ จึงปลูกฝังให้ลูกหลานให้ตั้งใจเรียนจบมาจะได้เป็น เจ้าคนนายคน นั่งห้องเเอร์ ไม่ต้องมาลำบากเหมือนเขา วันนี้ผมเข้าใจถึงสาเหตุเเล้ว เป็นเพราะพวกเขาขาดกระบวนการเรียนรู้ที่ดี ที่ขาดเพราะโดนสื่อครอบงำ คิดไรไม่ออกใส่ปุ๋ยเคมีลูกเดียวทำไปเท่าไหร่ก็ยิ่งขาดทุน แล้วก็ยังทำเหมือนเดิม เพราะสาเหตุที่แท้จริงคือ ขาดความรู้ การวิจัย การศึกษา ทางราชการไม่ต้องพูดถึง ถ้าราชการตั้งใจให้ความรู้จริงๆ ชาวนาไทยคงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ วันที่ผมเข้าใจ ผมก็ยกโทษให้พ่อแม่ ผมไม่โกรธ เข้าใจพวกท่านอย่างดี ผมตั้งเป้าหมาย อีก 2 ปีผมจะกลับไปทำนาที่บ้านอย่างจริงจัง ตั้งใจจะทำนาในรูปแบบใหม่ สอนแนวทางการทำนาในรูปแบบการวิจัย สังเกตุ สั่งสมองค์ความรู้ แล้วจะสอน ชาวบ้านญาติพี่น้องให้ทำตาม ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่แท้จริง ตามแนวทางของชาวนาวันหยุด



6 กรกฎาคม 2556

ว่าด้วยข้ออ้าง

         เมื่อก่อนผมก็ยังแยกไม่ค่อยออก ว่าเรื่องความคิดไหนที่จะเป็นข้ออ้าง ความคิดไหนเป็นการมองโลกในแง่ดี มันแยกยากจริงๆ ครับ ทุกวันนี้ ผมแยกออกแบบง่ายๆ คืออันไหนที่มันเป็ความคิดดีๆ ทำให้เรามันมีกำลังใจสู้ปัญหา นั่นแหละคือคิดบวก อันไหนมันเป็นความคิดลบ ให้เราเดินหนีไปซะ ไม่ทำก็ไม่เห็นตาย ความคิดแบบนี้ต้องรีบเตะทิ้งไปด่วนเลย


         วันนี้ผมก็กำจัดข้ออ้างเรื่องการเขียนบล็อก ของผมออกไปได้ละครับ ตอนแรกกะจะรอให้ทำผลงาน เสร็จก่อนแล้วนั่งปั่นบล็อกกันยาวๆ แต่อีกใจหนึ่งมันก็อยากจะหัดเขียนบล็อกไป
ด้วยเป็นการเตรียมเนื้อหาเบื้องต้นไว้ให้เพจในอนาคต ตอนนี้ผมคิดออกแล้ว


เสียงบ่นของ โปรแกรมเมอร์กากๆ คนหนึ่ง

         เมื่อไม่นานมานี้ ผมเข้าไปอ่านกระทู้ในกลุ่ม agile66 มีพี่โปรแกรเมอร์ คนหนึ่งเอาลิ้งวีดีโอ ที่พูดถึงวิกฤตโปรแกรมเมอร์ไทย ผมก็ไล่อ่านไปเรื่อย ไม่ได้อินอะไรมาก เพราะ ผมรู้รากเง้าของ ปัญหาที่เขาลืมกันไปแล้ว มันคือเรื่อง โปรแกรมเถื่อนครับ แคร๊กเอาหาคีย์เอาสะดวกง่าย จะว่าคนอื่นก็ไม่ได้ครับ บางคนเขาใช้ตั้งแต่เปิดคอมครั้งแรกในชีวิต จะโทษใครได้หละครับ ผมเองก็เป็นไม่เคยเข้าใจ สมัยก่อนผมก็ใช้เยอะครับ จนมาไม่กี่วันนี้ เห็นดราม่าเรื่อง IOS 7


       ผมก็เข้าใจในปัญหานี้ทันที คิดไปคิดมา มันคือวงจรแห่งความเสื่อมถอยของประเทศ
ครับ หลายท่านคงรู้อยู่ ซอฟแวต์เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศทุกวงการล้วนใช้ซอฟแวต์เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา ถ้าโปรแกรมเหล่านี้เราทำได้เองหมด ประเทศเราจะเป็นมหาอำนาจแบบจีนได้แน่นอน เราจะมี Search Engine ,Social network ,Os,Database,Technology Platfrom เป็นของตัวเอง แต่ทุกวันนี้ไม่ต้องพูดถึงวงการไอทีเอง ก็ใช้โปรแกรมเถื่อน กันทั้งนั้น ร้อยละ 90 % ของประเทศไทย